เมืองโบราณเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีการค้นพบเตาและชิ้นส่วนภาชนะต่าง ๆ อยู่ในทั่วไปในบริเวณ มีแนวคันดินแลคูเมืองเดิมยังหลงเหลืออยู่บางส่วน เวียงกาหลง สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๕ ( พ . ศ . ๕๐๐ ๕๙๙ ) ซึ่งปรากฎตามหลักฐานในหนังสือพงศาวดารชาติไทยเล่ม ๒ ของพระบริหารเทพธานี ได้กล่าวถึงแว่นแคว้นยวนเชียง ( หน้า ๔ บรรทัดที่๔ - ๖ ) ว่า เมื่อภายหลัง พ . ศ . ๕๙๐ แว่นแคว้นยวนเชียงก็แยกตั้งบ้านเมืองออกไปทางทิศตะวันตกอีกหลายเมือง เช่น เวียงกาหลง ( เวียงป่าเป้า ) เวียงฮ่อ ดงเวียง เมืองวัง ( วังเหนือ ) แจ้ห่ม เป็นต้น และในหนังสือประวัติศาสตร์เชียงราย ซึ่งจัดพิมพ์ในงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ หน้า ๑๓ ก็ปรากฏความคล้ายกันคือ ในราวพุทธศตวรรษที่ ๕ มีพวกไทยถอยร่นจากตอนใต้ประเทศจีนปัจจุบัน มาสมทบกับพวกไทยที่เมืองเชียงลาวเพิ่มขึ้นมากทุกที จึงขยายเมืองให้กว้างขวางออกไปอีก เรียกว่า แคว้นชุนยางหรือยวนเชียว มีอาณาเขตแผ่ไปถึงหลายเมือง เช่น เวียงกาหลง ( เวียงป่าเป้า ) แจ้ห่ม เวียงฮ่อ ดงเวียง เวียงวัง ( วังเหนือ ) และเชียงแสน ทั้งนี้ภายหลังพ . ศ . ๕๙๐ เป็นต้นมาชื่อของเครื่องถ้วยเวียงกาหลงเริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่ปีพ . ศ . ๒๔๖๗ เป็นต้นมา นับแต่ พระยานครพระราม ( สวัสดิ์ มหากายี ) สำรวจพบซากเตาเผาจำนวนมาในพื้นที่ใกล้เคียงกับเมืองโบราณเวียงกาหลง และได้เขียนบทความผลการสำรวจและศึกษาวิเคราะห์ลงตีพิมพ์ในวารสารของสยามสมาคม
เมื่อปี พ . ศ . ๒๔๘๐ ต่อมาได้มีผู้ใหญ่บ้านของบ้านป่าส้านอ้างว่า ตนได้ฝันเห็นเตาเผาที่ใช้ผลิตเครื่องถ้วย จึงได้ทำการขุดค้นด้วยตนเองและพบเตาเผาในบริเวณบ้านและได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม แหล่งเตาเวียงกาหลงมีพื้นที่กว่า ๑๕ ตารางกิโลเมตร เครื่องถ้วยเวียงกาหลงมีลักษณะเด่น คือ เป็นเครื่องถ้วยที่มีน้ำหนักเบา เนื้อบาง เนื่องจากเนื้อดินที่นำมาใช้ทำการปั้นภาชนะมีคุณสมบัติดี เนื้อดินมีสีขาว สีเหลืองนวลหรือสีเทา เนื้อละเอียด มีเม็ดทรายเล็ก ๆ ปะปนบ้างเล็กน้อย สามารถขึ้นรูปภาชนะได้บางกว่าเครื่องถ้วยที่ผลิตจากแหล่งเตาอื่น ๆ ส่วนการเคลือบนั้นนิยมเคลือบถึงบริเวณเชิงของภาชนะ น้ำเคลือบใส มีทั้งสีฟ้าอ่อน สีเขียวอ่อนและมีสีเหลืองอ่อน